พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 9.วิธุรชาดก (546) โทหฬกัณฑ์
(พระเจ้าโกรัพยะตรัสถามว่า)
[1388] ชาติภูมิของท่านอยู่แคว้นไหน
ถ้อยคำของท่านนี้ไม่ใช่ถ้อยคำของชาวกุรุรัฐเลย
ท่านมิได้เกรงกลัวเราทั้งมวลด้วยรัศมีแห่งผิวพรรณ
ท่านจงบอกชื่อและพวกพ้องของท่านแก่เรา
(ปุณณกยักษ์ทูลตอบว่า)
[1389] ข้าแต่พระราชา ข้าพระองค์เป็นมาณพ
กัจจายนโคตรชื่ออนูนะ
ญาติ ๆ และพวกพ้องของข้าพระองค์อยู่ในแคว้นอังคะ
ต่างก็พากันเรียกข้าพระองค์อย่างนี้
ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์มาถึงเมืองนี้
ด้วยต้องการที่จะเล่นการพนันสะกา
(พระราชาทั้งหลายตรัสว่า)
[1390] พระราชาทรงชำนาญการเล่นสะกา
เมื่อทรงชนะจะพึงนำเอาแก้วเหล่าใดไป
แก้วเหล่านั้นของมาณพมีอยู่หรือ
แก้วของพระราชามีอยู่เป็นจำนวนมาก
ท่านเป็นคนเข็ญใจจะมาพนันกับพระราชาเหล่านั้น
ผู้มีทรัพย์มากมายได้อย่างไร
(ปุณณกยักษ์กราบทูลว่า)
[1391] แก้วมณีของข้าพระองค์นี้
ชื่อว่าสามารถนำทรัพย์มาให้ได้ดังใจปรารถนา
นักเลงสะกาชนะข้าพระองค์แล้วพึงนำแก้วมณีดวงประเสริฐ
สามารถนำทรัพย์มาให้ได้ดังใจปรารถนา
และม้าอาชาไนยเป็นที่เกรงขามของศัตรู
ของข้าพระองค์ทั้ง 2 นี้ไป
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 9.วิธุรชาดก (546) มณิกัณฑ์
(พระราชาทั้งหลายตรัสว่า)
[1392] มาณพ แก้วมณีดวงเดียวจักทำอะไรได้
ส่วนม้าอาชาไนยตัวเดียวจักทำอะไรได้
แก้วมณีของพระราชามีอยู่เป็นจำนวนมาก
ม้าอาชาไนยที่มีกำลังรวดเร็วดังลม
ของพระราชามีมิใช่น้อยเลย
โทหฬกัณฑ์จบ
มณิกัณฑ์
ตอนว่าด้วยอานุภาพแก้วมณี
(ปุณณกยักษ์กราบทูลว่า)
[1393] ข้าแต่พระองค์ผู้สูงสุดกว่าประชาชน
ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรดูแก้วมณีของข้าพระองค์ดวงนี้เถิด
มีรูปหญิงและรูปชายปรากฏเป็นหมู่ ๆ อยู่ในแก้วมณีดวงนี้
[1394] มีรูปเนื้อและรูปนกปรากฏเป็นหมู่ ๆ อยู่ในแก้วมณีดวงนี้
มีพญานาคและพญาครุฑปรากฏอยู่ในแก้วมณีดวงนี้
ขอทูลเชิญพระองค์ทอดพระเนตรดูสิ่งที่น่าอัศจรรย์
ที่ธรรมชาติได้เนรมิตไว้ในแก้วมณีดวงนี้เถิด
[1395] ขอทูลเชิญพระองค์ทอดพระเนตรดูจตุรงคินีเสนานี้
คือ กองพลช้าง กองพลม้า กองพลรถ และกองพลราบ
ที่สวมเกราะอันธรรมดาได้เนรมิตไว้ในแก้วมณีดวงนี้เถิด
[1396] ขอทูลเชิญพระองค์ทรงทอดพระเนตรดู
เหล่าพลทหารที่จัดไว้เป็นกรม ๆ คือ
กองพลช้าง กองพลม้า กองพลรถ และกองพลราบ
ที่ธรรมชาติได้เนรมิตไว้ในแก้วมณีดวงนี้เถิด